อยากปลูกผมต้องรู้ไว้ การปลูกผมเทคนิค FUT vs. FUE vs. DHI เลือกแบบไหนดี? ในปี 2025

ในยุคที่ภาพลักษณ์ภายนอกถูกให้ความสำคัญมากขึ้น “ผมหนา” กลายเป็นหนึ่งในสัญญาณของความมั่นใจและความอ่อนเยาว์ เมื่อผมบางหรือผมร่วงส่งสัญญาณเตือน หลายคนจึงมองหาวิธี “ปลูกผม” เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ แต่จะใช้การปลูกผม “เทคนิค FUTปลูกผมเทคนิค FUE” หรือ “ปลูกผมเทคนิค DHI” ดี? และแต่ละวิธีแตกต่างกันอย่างไร และใครเหมาะกับเทคนิคไหนมากที่สุด? 

ในบทความนี้เราจึงจะพาคุณมาเจาะลึกทุกแง่มุมว่าถ้าอยากปลูกผมต้องรู้ไว้ การปลูกผมเทคนิค FUT vs. FUE vs. DHI เลือกแบบไหนดี? ในปี 2025

การปลูกผมเทคนิค FUT ปลูกผมแบบแถบกราฟต์จำนวนมาก

การปลูกผมเทคนิค FUT ปลูกผมแบบแถบกราฟต์จำนวนมาก

ปลูกผมเทคนิค FUT (Follicular Unit Transplantation) เริ่มต้นด้วยการผ่าตัดเล็กเพื่อ “ตัดแถบหนังศีรษะ” จากบริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รากผมแข็งแรงที่สุด แถบหนังศีรษะนี้จะถูกนำไปแยกด้วยกล้องจุลทรรศน์เป็นหน่วยกราฟต์ (follicular units) ทีละ 1–4 รากผม ก่อนฝังกราฟต์เหล่านั้นลงบนบริเวณผมบาง

การปลูกผมเทคนิค FUT เหมาะกับผู้ที่ต้องการกราฟต์จำนวนมากในครั้งเดียว เพราะสามารถเก็บกราฟต์ได้สูงถึง 2,000–5,000 กราฟต์ต่อครั้ง ทำให้เติมเต็มพื้นที่ผมบางได้รวดเร็ว แต่ข้อแลกคือจะเกิด “รอยแผลเป็นแนวยาว” บริเวณท้ายทอย และต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 7–10 วัน จึงเหมาะกับคนที่ไม่เน้นไว้ผมสั้นมาก สามารถปกปิดรอยแผลเป็นด้วยผมที่ยาวขึ้นได้

การปลูกผมเทคนิค FUE ปลูกผมไร้แถบ แผลเล็ก ฟื้นตัวไว

การปลูกผมเทคนิค FUE ปลูกผมไร้แถบ แผลเล็ก ฟื้นตัวไว

ปลูกผมเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction) พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์คนกลัวแผลเป็น แพทย์จะใช้ “หัวเจาะขนาดเล็ก” เจาะดึงกราฟต์ผมทีละกราฟต์ออกจากหนังศีรษะโดยไม่ต้องตัดแถบ จากนั้นแยกกราฟต์ใต้กล้องจุลทรรศน์เล็กน้อย แล้วฝังกราฟต์ทีละจุดบนพื้นที่ผมบาง

ข้อดีของ “ปลูกผมเทคนิค FUE” คือรอยแผลเป็นจะเป็นจุดเล็กๆ กระจายทั่ว ไม่เป็นเส้นยาว และผู้รับบริการสามารถสระผมเบาๆ ได้ใน 2–3 วัน หลังทำพักฟื้นเพียง 3–5 วันก็กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่ต้นทุนต่อกราฟต์จะสูงกว่า FUT เล็กน้อย เพราะใช้เวลาสกัดกราฟต์ทีละหน่วย เหมาะกับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงรอยแผลเป็น และพื้นที่ผมบางไม่กว้างเกิน 3,000 กราฟต์

การปลูกผมเทคนิค DHI ควบคุมแม่นยำที่สุด ไร้แผลเป็น

การปลูกผมเทคนิค DHI ควบคุมแม่นยำที่สุด ไร้แผลเป็น

ปลูกผมเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation) ยกระดับจาก FUE ด้วยการใช้ Implanter Pen หรือ “Choi Pen” ขนาดเล็กกว่า 0.8 มม. ซึ่งทำหน้าที่ทั้งสกัดและฝังกราฟต์ในขั้นตอนเดียว แพทย์จึงควบคุม “มุม” “ทิศทาง” และ “ความลึก” ของแต่ละรากผมได้อย่างแม่นยำที่สุด

“ปลูกผมเทคนิค DHI” จึงให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติสูงสุด แผลเล็กจนแทบมองไม่เห็น และฟื้นตัวเร็วภายใน 2–4 วัน แม้ว่าราคาต่อกราฟต์จะสูงที่สุด แต่หากคุณต้องการตัวเลือกที่ให้ผมหนาแน่น ควบคุมทุกองศา และไม่ต้องการรอยแผลเป็นเลย DHI คือคำตอบ

อยากปลูกผมจะเลือกเทคนิค FUT, FUE หรือ DHI ดี ให้พิจารณาตามดังนี้

อยากปลูกผมจะเลือกเทคนิค FUT, FUE หรือ DHI ดี? ให้พิจารณาตามดังนี้ 

  1. งบประมาณและจำนวนกราฟต์
    • ถ้างบจำกัด แต่ต้องการกราฟต์เยอะ FUT ให้ต้นทุนต่อกราฟต์ต่ำที่สุด
    • ถ้ามีงบปานกลาง และต้องการหลีกเลี่ยงรอยแผลเป็น FUE เป็นตัวเลือกที่สมดุล
    • ถ้าพร้อมลงทุนสูง แลกกับผลลัพธ์แม่นยำและไร้แผล DHI คุ้มค่า
  2. การพักฟื้นและไลฟ์สไตล์
    • FUT ต้องลางาน 7–10 วัน
    • FUE กลับไปทำงานได้ภายในสัปดาห์เดียว
    • DHI ฟื้นตัวเร็วสุด ไม่กระทบกิจวัตรประจำวันมาก
  3. ความคาดหวังเรื่องผลลัพธ์
    • FUT เติมกราฟต์ได้มาก เหมาะกับผมบางกว้าง
    • FUE ได้ผลธรรมชาติ แผลเล็ก
    • DHI ให้ความละเอียดสูงสุดในทุกมุม

อยากปลูกผมแบบมั่นใจต้องใช้บริการ DHI Thailand

อยากปลูกผมแบบมั่นใจต้องใช้บริการ DHI Thailand

ไม่ว่าคุณจะเลือก “ปลูกผมเทคนิค FUT” เพื่อกราฟต์จำนวนมาก “ปลูกผมเทคนิค FUE” เพื่อแผลเล็กฟื้นตัวไว หรือ “ปลูกผมเทคนิค DHI” เพื่อความแม่นยำสูงสุด และการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการเลือกคลินิกที่เชื่อถือได้

DHI Thailand คลินิกปลูกผมลิขสิทธิ์แท้จาก DHI Global

  • ใช้ Implanter Pen ควบคุมมุม ทิศทาง ความลึกแม่นยำ
  • ทีมแพทย์ผ่านการรับรองสากล ดูแลตั้งแต่ก่อนทำและหลังทำ
  • แผลเล็ก ฟื้นตัวไว ผลลัพธ์ธรรมชาติ

จองและรับคำปรึกษาฟรี วันนี้ รับแผนปลูกผมเฉพาะบุคคล พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ
แล้วมาคืนความมั่นใจด้วยผมหนาสวย ที่ DHI Thailand เราพร้อมดูแลคุณ

Post Tags:
Share: